ยำข่าวกีฬา 28 ตุลาคม
“ลิเวอร์พูล” ลุ้นทำสถิติไร้พ่าย 10 นัด ส่ง “ซาลาห์” ล่าตาข่าย
ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านรับ คาร์ดิฟฟ์ คืนนี้ โดยส่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นกำลังหลักในแนวรุก เพื่อลุ้นทำสถิติไม่แพ้ใครเป็นนัดที่ 10 ติดต่อกันในฤดูกาลนี้
ลิเวอร์พูล จะเป็นทีมเดียวจากหัวตารางหรือท็อป 5 ที่จะลงแข่งคืนนี้ ทำให้พวกเขามีโอกาสกุมความได้เปรียบในการเก็บแต้มหนีคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงชั่วคราว รวมถึงทำสถิติไม่แพ้ติดต่อกันเป็นนัดที่ 10 ในฤดูกาลนี้ โดยพวกเขาจะเปิด แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ คาร์ดิฟฟ์ เกมนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่หลายคนคิด เพราะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยอมรับว่าการที่ คาร์ดิฟฟ์ เพิ่งชนะมาเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ทำให้พวกเขามีแรงฮึกเหิม แต่สำหรับหงส์แดง การเล่นในบ้าน มีเสียงเชียร์จากแฟนบอล ย่อมทำให้นักเตะทุกคนมีกำลังใจ พร้อมสู้จนกว่ากรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลา สำหรับเกมนี้ ผู้เล่นที่ได้พักในเกมยุโรปกลางสัปดาห์อย่าง เดยัน ลอฟเรน น่าจะได้กลับมาลงเป็นตัวจริง ส่วนแนวรุก นำโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะโดนกระแสวิจารณ์ว่าฟอร์มตกแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งในลีกและยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เขาทำไปถึง 3 ประตู น่าจะแสดงให้เห็นความมั่นใจและกระหายทำประตูเพื่อทีม โดยจะประสานงานกับ ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
“แรมซีย์” ยืนยันไม่ย้ายไปทีม “สเปอร์ส”
อาร่อน แรมซีย์ จอมทัพชาวเวลส์ของอาร์เซน่อล ยืนยัน แม้จะไม่ได้ต่อสัญญากับทีม แต่ก็ไม่มีทางที่จะย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับอย่างสเปอร์สแน่นอน
แรมซีย์ ย้ายจากคาร์ดิฟฟ์มาร่วมทีมอาร์เซน่อล ตั้งแต่ปี 2008 และเป็นผู้เล่นชุดปัจจุบันที่ค้าแข้งอยู่กับทีมนานที่สุด แต่สัญญาของแรมซีย์กำลังจะหมดลงหลังจบฤดูกาลนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ดูท่าทางว่าการเจรจาต่อสัญญากำลังเป็นไปได้ด้วยดี แต่สุดท้าย แรมซีย์กลับไม่ได้รับการต่อสัญญา ซึ่งเรื่องนี้ ตัวแรมซีย์เองก็ยอมรับว่าแปลกใจเหมือนกันที่อยู่ดีๆสโมสรก็เปลี่ยนใจ ทั้งที่ตัวเขาเองก็พร้อมจะเซ็นสัญญาฉบับใหม่อยู่แล้ว และก็อยากทราบเหตุผลในเรื่องนี้ แต่ก็ยืนยันว่า แม้จะไม่ได้ค้าแข้งต่อกับทีมในฤดูกาลหน้า และยังไม่รู้ว่าจะย้ายไปร่วมทีมไหน แต่จะไม่มีวันย้ายไปค้าแข้งกับทีมคู่ปรับอย่างสเปอร์สแน่นอน สำหรับช่วงเวลาที่เหลือในฤดูกาลนี้ แรมซีย์เผยว่า พร้อมช่วยเหลือทีมอย่างเต็มที่ และไม่กังวลที่หลายนัดหลุดจากตำแหน่งตัวจริง เพราะการที่เอเมอรี่ ไว้วางใจให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมยูโรป้าลีกนัดล่าสุดที่พบกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน แสดงว่า ตนยังได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอยู่
ศึก “เอล กลาซิโก” บาร์เซโลน่า รับการมาเยือน เรอัล มาดริด
วันอาทิตย์นี้ ซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ที่ทั่วโลกจับตามองจะกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งในศึกที่ทุกคนคุ้นเคยในชื่อ “เอล กลาซิโก” โดยบาร์เซโลน่าจ่าฝูงจะเปิดบ้านต้อนรับ เรอัล มาดริดทีมอันดับ 7 ที่ช่วงหลังฟอร์มไม่ค่อยดี โดยทีมของเอร์เนสโต บัลเบร์เดชนะเพียง 1 นัดจาก 5 เกมหลังสุดในลีก โดยหนักไปที่เสมอถึง 3 นัดและแพ้ 1 นัด แต่ยังคงนำเป็นจ่าฝูง ตอนนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงของทีมดังจากแคว้นคาตาลันคือนักเตะคนสำคัญอย่างลีโอเนล เมสซีได้รับบาดเจ็บที่แขนต้องพักประมาณ 3 สัปดาห์ จะกระทบต่อเกมรุกของทีมแค่ไหน ส่วนทีมของฆูเลน โลเปเตกี อาการหนัก 5 นัดหลังสุดในลีกเก็บชัยได้เพียง 1 นัด เสมอ 1 นัด แพ้ไปถึง 3 นัด นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่คุ้นเคยของเรอัล มาดริดสักเท่าไหร่ เพราะพวกเขายิงได้เพียง 2 ประตูเท่านั้นจาก 5 เกมหลังสุดในลาลีกา ทำให้ตอนนี้ทีมราชันชุดขาวตามหลังคู่อริตลอดกาล 4 แต้มเข้าไปแล้ว หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่านี่คือ “โรนัลโด้ เอฟเฟ็ก” ที่มาดริดต้องเจอเพราะยังหาตัวตายตัวแทนในการผลิตสกอร์ไม่ได้ โดย 5 เกมหลังสุดที่ทั้งสองทีมเจอกันในทุกรายการ ทีมจากเมืองหลวงสามารถเอาชนะได้ 2 เกม เสมอกันไป 1 เกม และอาซูลกราน่าชนะไปอีก 2 เกม เรียกได้ว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีใครยอมใคร อีกประเด็นที่น่าสนใจคือนี่จะเป็น “เอล กลาซิโก” ครั้งแรกในรอบ 11 ปีที่ในสนามจะไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และลีโอเนล เมสซี่ เป็นตัวชูโรงในแมตช์หยุดโลกครั้งนี้ทำให้ความน่าดูตกลงไปพอสมควร ทั้งออร่าความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของโลกฟุตบอล เรื่องราวที่จะให้คนเอามาถกเถียงกันว่าใครจะเป็นเบอร์ 1 ของโลก และลีลาความน่าตื่นตาตื่นในสนาม จากสถิติตั้งแต่เมสซี่เริ่มขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ให้บาร์เซโลน่าในปี 2004 เขาลงห้ำหั่นกับเรอัลมาดริดไปทั้งหมด 38 เกม แบ่งเป็นชนะ 17 เสมอ 9 แพ้ 12 ยิงไป 26 ประตู กับทำอีก 14 แอสซิสต์
ส่วนโรนัลโด้ที่ย้ายมาเล่นใช้มาดริดเมื่อปี 2009 ลงเล่นในศึกเอล กลาซิโกไป 30 เกม ชนะ 8 เสมอ 8 แพ้ 14 ยิง 18 ประตู ทำแอสซิสต์ได้เพียง 1 ครั้ง
สถิติเอลกลาซิโก้ ทั้งหมด เรอัลมาดริด พบ บาร์เซโลน่า มาทั้งหมด 238 นัด
บาร์เซโลน่า ชนะ 93
เรอัล มาดริด ชนะ 95
เสมอ 50
โดย 4 เกม หลังสุดที่ คัมป์นู บาร์เซโลน่า ไม่ชนะ เรอัล มาดริด รวมทุกรายการ เสมอ 2 แพ้ 2 ครั้งสุดท้ายที่บาร์ซ่า ชนะได้ในบ้าน คือ มีนาคม 2015
บาร์เซโลน่า ทำประตูได้ใน 21 เกมหลังสุดที่พบ เรอัล มาดริด ยิงได้ถึง 48 ประตู สำหรับ ดาวซัลโว เอลกลาซิโก้ ตลอดกาล ,ฝั่งบาร์ซ่า คือ ลีโอเนล เมสซี่ ยิงไป 26 ประตู ,ฝั่งเรอัล มาดริด คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ยิง 18 ประตู
แม้เกมนี้จะไม่มีสองซุปเปอร์สตาร์ลงสนาม แต่ทั้งสองทีมยังอัดแน่นไปด้วยนักเตะระดับท็อปที่น่าจับตามองตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้าและเป็นเกมที่มีผลสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ ที่ฟอร์มช่วงต้นไม่ดีด้วยกันทั้งคู่ หากนัดนี้ชัยชนะเป็นของใครคงเรียกความมั่นใจให้กับทีมได้อย่างมาก